พิธีฮัจย์ถูกระงับเกือบ40ครั้งในประวัติศาสตร์ มีเหตุการณ์สำคัญใหญ่ๆ ที่มีบันทึกว่าพิธีฮัจย์ในอดีตถูกยกเลิก
พิธีฮัจย์ถูกระงับเกือบ40ครั้งในประวัติศาสตร์ มีเหตุการณ์สำคัญใหญ่ๆ ที่มีบันทึกว่าพิธีฮัจย์ในอดีตถูกยกเลิก
ปี ค.ศ ที่ 865
เกิดการสังหารหมู่ที่ทุ่งอารอฟะห์
เกิดกลุ่มกฏ นำโดยอิสมาอีล บินยูซุฟ หรืออัศศอฟัค ได้ทำการปรปักษ์ต่อราชวงศ์อับบาซียะห์ อาณาจักรอิสลามที่มีศูนย์กลางการปกครองในอิรัก ทำให้กลุ่มกบฏได้เข้าสังหารฮุจยาต(ผู้แสวงบุญ)ที่กำลังวูกุฟ อยู่ ณ ทุ่งอารอฟะห์ เสียชีวิตจำนวนมาก ทำให้พิธีฮัจย์ในปีนั้นถูกยกเลิก
ปี ค.ศ 940-950
กลุ่มชีอะห์กอรอมีเฎาะห์ ซึ่งเป็นชีอะห์สายหนึ่งของอิสมาอีลียะห์ จากบาห์เรน นำโดยอบูตอเฮร อัลญันนาบี้ ผู้ครองแคว้น ได้นำกำลังพลบุกยึดมหานครมักกะฮ์ เมื่อวันที่8ซุลฮิจยะห์(วันตัรวียะห์) ชีอะห์พวกนี้ได้เข้าสังหารมุสลิมที่กำลังฎอวาฟและที่กำลังละหมาดในมัสยิดฮะรอม เสียชีวิตกว่า 3หมื่นคน ศพฮุจยาต(ผู้แสวงบุญ)เต็มเกลื่อนมัสยิด และตามถนนเมืองมักกะฮ์ ความโหดเหี้ยมของพวกมันยังได้ทิ้งศพลงในบ่อน้ำซัมซัม พร้อมทั้งได้ขโมยหินดำ(อัลฮะญัร อัลอัสวัด)กลับไปยังเมืองฮาซ่า ของบาห์เรนอีกด้วย (ปัจจุบันเมืองนี้ตกอยู่ภายใต้การปกครองของซาอุดิอารเบีย)
ทำให้ฮัจย์ได้ถูกยกเลิก10ปี ราชวงศ์อับบาซียะห์ต้องไถ่หินดำคืนจากกลุ่มชีอะห์ เนื่องจากหินดำถูกขโมยไปจากมักกะฮ์ถึง21ปี บางรายงานระบุ22ปี หินดำเป็นสมบัติและทรัพย์สินของกะบะห์ เหตุการณ์ขโมยครั้งนั้นทำให้หินดำตกแตกออกเป็น8ก้อนเล็ก จนถึงปัจจุบัน
ชีอะห์พวกนี้เชื่อว่าการทำฮัจย์เป็นเรื่องนอกรีต จึงได้สังหารฮุจยาตจำนวนมาก
ปี ค.ศ 983
ราชวงศ์อับบาซียะห์(อิรัก) และราชวงศ์ฟาตีมียะห์(อิยิปต์) เกิดความขัดแย้ง แย่งชิงอำนาจทางการเมือง ระหว่างคอลีฟะห์(กาหลิบ)สองรัฐ ทำให้เส้นทางเดินทางของมุสลิมไปทำฮัจย์นั้นยากลำบาก จึงมีการระงับฮัจย์ไปทั้งหมด8ปี มีการอนุญาตให้กลับมาทำอุมเราะห์และฮัจย์ได้อีกครั้งในปี ค.ศ 991
ปี ค.ศ 1831 เกิดโรคระบาด
พิธีฮัจย์ถูกระงับ หลังจากเกิดโรคระบาดที่อินเดีย จนไปถึงมหานครมักกะฮ์(เมกกะ)ทำให้มุสลิม ซึ่งมีรายงานว่ามากกว่า75% ของฮุจยาตที่อยู่ในมักกะฮ์ เสียชีวิตโดยการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว ทำให้ต้องระงับฮัจย์ปีนั้นเพื่อป้องกันโรคและลดการติดเชื้อดังกล่าว
ปี ค.ศ 1846 – 1858 เกิดอหิวาตักโรค2ครั้ง
ค.ศ1846
เกิดอหิวาตักโรค จากฮุจยาต(ผู้แสวงบุญ) ทำให้ชาวมักกะฮ์เสียชีวิตกว่า1หมื่น5พันคน ทำให้ฮัจย์ถูกระงับในปีนั้น
ค.ศ 1858
เกิดอหิวาตักโรค ครั้งที่สอง มีการแพร่ระบาดในมักกะฮ์เหมือนครั้งแรก ฮัจย์ถูกระงับ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องนำผู้ป่วยไปกักรักษาไว้ที่ค่ายชายฝั่งทะเลแดงจนหายปกติ
ส่วนเหตุการณ์ปิดมัสยิดและหยุดฎอวาฟ(เดินเวียน)รอบกะบะฮ์ชั่วคราว แต่ไม่ได้ยกเลิกฮัจย์
ปี ค.ศ 1941
เกิดอุทุกภัย ฝนตกหนักท่วมมัสยิดฮะรอมและลานฎอวาฟ ทำให้น้ำท่วมสูงจนถึงขอบประตูกะบะฮ์ ทำให้ช่วงขณะนั้น มีเด็กชายชาวบาห์เรนได้ว่ายน้ำวนฎอวาฟ ที่เคยปรากฎภาพไปทั่วโลก (เขาคือ เชคอาลี อัลเอาวะดี้ อัลลอฮ์ยัรฮัม)
ปี ค.ศ 1958
เกิดไฟไหม้มัสยิดฮะรอม ใช้เวลาหลายวัน กว่าจะควบคุมสถานการณ์ได้
ปี ค.ศ 1979
ช่วงฮัจย์ เกิดกลุ่มก่อการร้ายบุกยึดมัสยิดฮะรอม มีการพกอาวุธเข้าไป โดยคนร้ายอาศัยจังหวะปลอมตัวด้วยการคลุมผ้าเป็นมัยยิต(ศพ)เข้าไปในมัสยิด จนสุดท้ายได้จับฮุจยาต(ผู้แสวงบุญ)เป็นตัวประกันจำนวนมาก นำโดยญุฮัยมาน อัลอุตัยบี้ ผู้มีความสุดโต่งทางความเชื่อ เนื่องจากกลุ่มนี้ต้องการจะโค่นล้มกษัตริย์ซาอุและราชวงศ์อะลิซาอู๊ตและมองว่าการปกครองของกษัตริย์ซาอุในสมัยนั้น หย่อนยานไม่อยู่ในหลักการอิสลาม ทำให้ญุฮัยมาน ที่มีน้องเขยเขา คืออับดุลลอฮ์ อัลเกาะตานี่ พร้อมพรรคพวกสนับสนุน ซึ่งญุฮัยมานมีความเชื่อหลงผิดไปไกลว่าน้องเขยเขาคนนี้เป็นอิหม่ามมะห์ดี ที่มาฟื้นฟูรัฐอิสลามในยุคสุดท้าย
ญุฮัยมานมีสมาชิกเข้าร่วมประมาณ4ร้อยคน ลงมือบุกมัสยิดฮะรอม เกิดขึ้นเวลาเช้ามืดหลังละหมาดศุบฮิ มีการสั่งปิดประตูเข้าออกมัสยิด ด้วยการยิงตำรวจเฝ้าประตูเสียชีวิต2นายก่อน เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ จากนั้นเกิดความโกลาหล ทั้งลานฎอวาฟและในมัสยิด อิหม่ามเชคมุฮัมมัด อัซซุบัยยีน (อัลลอฮ์ยัรฮัม) เป็นอิหม่ามมัสยิดในขณะนั้นพอดี มีฮุจยาตและมุสลิมกว่า1แสนคนติดอยู่ในมัสยิด หลายคนถูกจับเป็นตัวประกัน จากนั้นกลุ่มญุฮัยมานได้นำพลซุ่มยิงขึ้นไปประจำบนเสามัสยิดฮะรอม กองกำลังผู้ก่อการร้ายของญุฮัยมานได้ตรึงกำลังพร้อมอาวุธปืนในมัสยิด ญุฮัยมานประกาศผ่านลำโพงมัสยิดฮะรอม ด้วยการปลุกระดมพลางโจมตีต่อกษัตริย์ และอูลามาฮ์ของซาอุต่างๆนาๆ เพื่อจะได้ในสิ่งที่ตัวเองหวังมาตั้งแต่ต้น สุดท้ายเหตุการณ์ยืดเยื้อ ทางซาอุไม่สามารถจัดการขั้นเด็ดขาดได้ ต้องขอกำลังความช่วยเหลือจากปากีสถานและฝรั่งเศส ใช้เวลาประมาณ 2สัปดาห์ ในการต่อสู้ปะทะกันระหว่างทหารกับกลุ่มก่อการร้าย จนกลุ่มก่อการร้ายของญุฮัยมานเสียชีวิตเกือบทั้งหมด หนึ่งในนั้นคือ อับดุลลอฮ์ อัลเกาะตานี่ ที่อ้างว่าเป็นอิหม่ามมะห์ดีก็ถูกสังหารด้วย ส่วนฮุจยาต ทหารซาอุและชาติพันธมิตร เสียชีวิต127คน บาดเจ็บอีก 451คน
สำหรับญุฮัยมานและลูกน้องที่เหลือ67คนถูกจับเป็น ต่อมาโดนสั่งประหารชีวิตทั้งหมด
ปี ค.ศ 1987
กลุ่มชีอะห์ได้ก่อจราจลในเมืองมักกะฮ์ โดยอาศัยช่วงพิธีฮัจย์เป็นชนวนความขัดแย้ง มีการเดินประท้วงใช้สโลแกนการต่อต้านอิสราเอลกับอเมริกาทั่วมักกะฮ์ จนเกิดความวุ่นวาย ซึ่งกลุ่มชีอะห์ได้ถูกทหารซาอุสังหารไป 402คน เป็นชาวอิหร่าน275คน
ปี ค.ศ 2020
เกิดไวรัสโคโรน่า(โควิด19)ระบาดทั่วโลก มัสยิดฮะรอมได้ปิดลานฎอวาฟและระงับบุคคลไม่เกี่ยวข้องเข้ามาในมัสยิด เพื่อป้องกันและทำความสะอาดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ตอนนี้มีการเปิดปิดลานฎอวาฟเป็นช่วงเวลา เพื่อให้มีการฎอวาฟเป็นรอบในช่วงที่ทางการกำหนด
ที่มา https://themuslimvibe.com
https://english.alaraby.co.uk
https://www.middleeasteye.net
One Response
test